วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

บทที่2เรื่องการสร้างตาราง

บทที่2เรื่องการสร้างตาราง
ตอนที่1
1.ข้อใดกล่าวถึงความหมายของตาราง(table)ไดชัดเจนที่สุด-ค. ออบเจ็กต์ที่อยู่ในฐานข้อมูล
2.ข้อใดต่อไปนี้กล่าวผิด-ง. Attachmentเป็นชนิดข้อมูลสำหรับสร้างจุงเชื่อมโยง
3.ฟิลด์(Field)หมายถึงอะไร-ค.คอลัมน์
4.เรคคอร์ด(Record)หมายถึงอะไร-ก.ตาราง
5.ชนิดข้อมูลแบบข้อความ(Text)สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุดกี่ตัวอักษร-ค.255
6.ถ้าต้องการกำหนดฟิลด์ในการเก็บข้อความจำนวนมากๆจะต้องเลือกชนิดข้อมูลแบบใด- ข.Text
7.มุมมองที่ใช้ในการสร้างตารางด้วยการออกแบบเองคือมุมมองแบบใด-ก.Design View
8.ชนิดความสัมพันธ์ของตารางมีกี่แบบ-ข.3แบบ
9.ข้อใดต่อไปนี้ไม่สามารถนำมาประกอบในการตั้งฟิลด์ข้อมูลได้-ง.เครื่องหมายจุด(.)
10.ถ้าต้องการเรียงลำดับข้อมูลในตารางจากน้อยไปหามากจะต้องใช้เครื่องมือใด-ก.Ascending
ตอนที่2
1. ฌ Field= ข้อมูลในแนวคอลัมน์
2. ง Record=ข้อมูลในแนวแถว
3. จ Memo= เก็บข้อมูลประเภทข้อความที่มีความยาวมากๆ
4. ข OLE Object=เก็บข้อมูลประเภทรูปภาพ
5. ซ Currency=เก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลขทางการเงิน
6. ญ Attachment=เก็บเอกสารและแฟ้มไบนารี่ทุกชนิดในฐานข้อมูล
7. ก Input Mask=กำหนดรูปแบบในการป้อนข้อมูล
8. ฉ Format=กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล
9. ช Descending=เรียงลำดับจากมากไปน้อย
10. ค Ascending=เรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปมาก
ตอนที่3
1.จงอธิบายถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการสร้างตาราง-
2.จงบอกถึงคุณสมบัติในการเลือกฟิลด์ข้อมูลที่นำมาเป็นคีย์หลัก(Primary Key)- ฟิลด์ที่มีข้อมูลในเรคอร์ดไม่ซ้ำกัน
3.อธิบายถึงความแตกต่างในการสร้างตารางด้วยมุมมองการออกแบบ(Table Design) และมุมมองแผ่นตารางข้อมูล(DataSheet View)-Table Design เป็นมุมมองที่ใช้ในการกำหนดข้อมูลของตาราง ชนิดข้อมูล คุณสมบัติของฟิลด์แต่ละฟิลด์Datasheet Viewเป็นมุมมองที่ใช้ในการป้อนข้อมูลที่ต้องการเก็บลงในตาราง
4.จงบอกขั้นตอนในการสร้างตารางด้วยมุมมองการออกแบบมีขั้นตอนอย่างไร- 1.คลิกที่แท็บ Create2.เลือกปุ่มคำสั่ง (Table Design)ในกลุ่มของTableจากนั้นAccessจะเปิดตารางข้อมูลเปล่าในมุมมองการออกแบบขั้นมา3.กำหนดฟิลด์ข้อมูล แล้วกดปุ่ม Tab เพื่อเลือกช่องถัดไป4.เลือกชนิดข้อมูล5.กำหนดคำอธิบายฟิลด์
6.กำหนดคุณสมบัติฟิลด์เพิ่มเติม
7.คลิกปุ่ม Save จาก Quick Access Toolbar8.กำหนดชื่อตาราง9.คลิกปุ่ม OK10.จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ให้กำหนดคีย์หลัก

บทที่ 1 เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม Aeccss 2007

บทที่ 1 เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม Aeccss 2007
แบบฝึกหัด บทที่ 1
ตอนที่ 1
1.ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) คืออะไร- ข.ตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล
2.หลังจากที่สร้างฐานข้อมูลแล้ว จะต้องสร้างออบเจ็กอะไรเป็นอันดับแรก- ก.Table
3.ออบเจ็กต์ใดทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลทั้งหมดลงฐานข้อมูล- ก.Table
4.ออบเจ็กต์ Query มีหน้าที่อะไร-ค.สร้างเเบบสอบถามข้อมูล
5.ข้อใดต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของออบเจ็ก form- ข.เก็บข้อมูลลงฐานข้อมูล
6.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ กฎของการ normalizatioh-ข.จะต้องมีความสัมพันธ์เเบบเชิงกลุ่ม(Many-to-Many)
7.ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์ที่ได้รับของระบบฐานข้อมูล- ค.ข้อมูลที่จัดเก็บมีความทันสมัย
8.ขั้นตอนใดต่อไปนี้เป็นขั้นตอนแรกในการออกแบบฐานข้อมูล- ก.กำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
9.ส่วนประกอบต่อไปนี้เพิ่มเข้ามาใหม่ใน Access 2007 ยกเว้นข้อใด- ง.Ribbon
10.ข้อใดต่อไปนี้ กล่าวผิด- ก.เมื่อบันทึกฐานข้อมูลในAccess2007จะมีนามสกุลเป็น .accdb
ตอนที่ 2
1. ช DBMS=ระบบจัดการฐานข้อมูล
2. จ Normalization=กฏที่ใช้ในการออกแบบตาราง
3. ซ Office Button=ปุ่มที่รวบรวมชุดคำสั่งในการจัดการฐานข้อมูล
4. ญ Quick Access Toolbar=แถบเครื่องมือที่รวบรวมปุ่มเครื่องมือที่ใช้งานบ่อยๆเอาไว้
5. ฌ Ribbon=ส่วนในการทำงานใหม่ที่เข้ามาแทนที่แถบเมนูและแถบเครื่องมือ
6. ก Navigation Pane=แถบในการแสดงออบเจ็กต์ที่สร้างขึ้น
7. ค Document Window=ส่วนของพื้นที่ในการทำงานของออบเจ็กต์ต่างๆ
8. ข Query=แบบสอบถามข้อมูล
9. ง Mecro=ชุดคำสั่งกระทำต่างๆที่นำมารวมกัน
10.ฉ Module=โปรแกรมย่อยที่เขียนขึ้นด้วยภาษา VBA
ตอนที่3
1.จงอธิบายถึงความหมายของฐานข้อมูล-ฐานข้อมูล(Database)คือข้อมูลจำนวนมากที่มีการจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบในลักษณะของตาราง ข้อมูลแต่ละตารางที่มีอยู่นั้นมีความสัมพันธ์กัน
2.ระบบฐานข้อมูลมีประโยชน์อย่างไร-1.ลดความซับซ้อนของข้อมูล2.ทำให้เกิดความสอดคล้องของข้อมูล3.ควบคุมความถูกต้องของข้อมูล4.สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้5.มีความปลอดภัย3.ใน Microsoft Access 2007 ประกอบไปด้วยออบเจ็กต์อะไรบ้าง และมีหน้าที่อย่างไร-1.Table ใช้ในการเก็บข้อมูลทั้งหมด2.Queries ช่วยค้นหาหรือสร้างแบบสอบถามข้อมูล
3.Froms แบบฟอร์มในการทำงาน สำหรับจัดการกับข้อมูลแทนการจัดการในตาราง
4.Report ใช้ในการสร้างรายงาน
5.Macros ชุดคำสั่งที่นำมาร่วมกันตามขั้นตอนในการทำงานเพื่อให้การทำงานเป็นอัติโนมัติ
6.Modules ช่วยให้ทำงานกับข้อมุลที่ซับซ้อนมากขึ้นได้4.จงอธิบายหลักการออกแบบฐานข้อมูลมาพอเข้าใจ-ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ว่าต้องใช้ข้อมูลเรื่องใด ใช้เพื่อทำอะไร ต้องการอะไร สอบถามความต้องการจากผู้ใช้ วิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็นจัดเป็นกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลแต่ละตาราง วิเคราะห์โครงสร้างข้อมูล กำหนดชนิดข้อมูล กำหนดความสัมพันธ์5.จงยกตัวอย่างระบบงานที่ควรนำระบบฐานข้อมูลมาใช้พร้อมทั้งอธิบายเหตุผล-งานทะเบียน เพราะว่าเป็นงานที่ทำเกี่ยวกับประวัติของพนักงานหรือนักเรียนทั้งหมด ซึ่งมีข้อมูลต่างๆหลายอย่าง

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แบบฝึกหัดบทที่ 4

แบบฝึกหัดบทที่4
ตอนที่1
1. โปรแกรมสำเร็จรูป คือ ซอฟแวร์ประยุกต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
2. บทบาทของโปรแกรมสำเร็จรูป คือ 1. เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิผลของพนักงาน 2. เป็นองค์ประกอบสำคัญในสำนักงานอัตโนมัติ 3. ด้านการศึกษาและการให้ความบันเทิง
3.ประเภทของโปรแกรมสำเร็จรูปมี 4 ประเภทคือ 1. โปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพผลของงานส่วนบุคคล 2. โปรแกรมสำเร็จทางธุรกิจ 3.โปรแกรมสำเร็จทางการศึกษา 4. โปรแกรมคอมพิวเตอร์เกม
4.โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่องานเอกสารและการพิมพ์แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ 1. โปแกรมชุดประมวลผลคำ 2. โปรแกมชุดการพิมพ์แบบตั้งโต๊ะ
5 .โปรแกรมชุดประมวลคำ เป็นซอฟแวร์ประยุกต์เพื่องานทั่วไปทีมีวัตถุประสงค์หลักของการออกแบบโปแกรม
6. โปรแกรมสำเร็จเพื่อบริหารฐานข้อมูล มีความสามารถดังต่อไปนี้ 1. จัดสร้างฐานข้อมูลใหม่ได้ 2. ซักถามข้อมูลจากฐานข้อมูลได้ 3. บำรุงรักษาฐานข้อมูล 4. พัฒนาระบบโปรแกรมเพื่อการใช้งานฐานข้อมูลที่สร้างขึ้นได้ 5. กำหนดมาตรฐานการความปลอดภัยในการใช้ฐานข้อมูลได้
7. คุณสมบัติของโปรแกรมสำเร็จเพื่อจัดทำตารางการประกอบด้วย
1.รับป้อนข้อมูล ( ทั้งที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร ) และความสัมพันธ์ ( สูตรหรือฟังก์ชัน ) ในรูปแบบต่างๆ เข้าไปในช่องของตารางซึ่ง เรียกว่า เซลล์
2.อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแก้ไขข้อมูลที่ได้ป้อนไว้แล้วได้
3.สามารถป้องกันและยกเลิกการป้องกันการแก้ไขข้อมูลทีเก็ยไว้บนตารางทำการ ทังในลักษณะที่เป็นบางส่วนหรือทั้งตารางได้
4. สามารถสร้างกราฟในลักษณะต่างๆ จากข้อมูลที่อยู่บนตารางทำการได้
5.สามารถจัดเก็บตารางทำการไว้ใหม่ได้
6.สามารถจัดพิมพ์ข้อมูลในตารางทำการได้หลายรูปแบบ เช่น การพิมพ์ออกมาเป็นความสัมพันธ์หรือสูตร หรือพิมพ์ผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณได้
8. ตัวอย่างของโปรแกรมชุดประมวลผลคำ ได้แก่ 1. ไมโครซอฟต์เวิร์ด 2. เอมิโปร 3. เวิร์ดเพอร์เฟค
9. ตัวอย่างของโปรแกรมสำเร็จเพื่อการบริหารฐานข้อมูล ได้แก่ 1. ดีเบส 2. ฟอกซ์โปร 3. ไมโครซอฟต์แอคแซส
10.โปรแกรมสำเร็จเพื่อสร้างงานนำเสนอ เป็นโปรแกรมสำเร็จเพื่อสร้างเอกสารนำเสนอที่มีรูปแบบสวยงามใช้งานง่าย
ตอนที่2
1. ค
2.ง
3.ง
4.ก
5.ง
6.ก
7.ง
8.ค
9.ค
10.ก

แบบฝึกหัดบทที่ 3

แบบฝึกหัดบทที่ 3
ตอนที่1
1. Hardware มีองค์ประกอบอยู่ 5 อย่าง คือ 1. หน่วยรับข้อมูล 2. หน่วยประมวลผลกลาง 3. หน่วยแสดงผลลัพธ์ 4. หน่วยความจำ 5. หน่วยความจำสำรอง
2. อุปกรณ์รับข้อมูลมี 1.แป้นพิมพ์หรือคีบอร์ด 2. เมาส์ 3. scanner 4. opical character reader 5. เครื่องอ่านบาร์โคด 6.เครื่องอ่านคะแนนด้วยแสง
3. หน่วยประมวลผลกลางมีส่วนประกอบสำคัญ คือ 1. หน่วยควบคุม 2. หน่วยคำนวณและตรรกะ
4. หน่วยควบคุม ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของทุกหน่วยใน หน่วยประมวลผลกลาง
5. หน่วยความจำ หมายถึง หน่วยความจำหลักของเครื่องคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลและคำสั่งต่างๆ
6. หน่วยความจำถาวร เป็นหน่วยความจำที่สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างเดียว
7. ซอฟแวร์มี 2 ชนิด คือ 1. ซอฟแวร์ระบบ 2. ซอฟแวร์ประยุกต์
8. ซอฟแวร์ประยุกต์มี 2 ประเภท ได้แก่ 1. ซอฟแวร์สำเร็จ 2. วอฟแวร์ใช้งานโดยเฉพาะ
9. จงบอกประเภทบุคลากรทางคอมพิวเตอร์มา 5 ประเภท คือ 1.ผู้อำนวยการ 2. นักวิเคราะห์ระบบ 3.โปรแกรมเมอร์ 4. โปรแกรมเมอร์ระบบ 5. ผู้บริหารระบบเครือข่าย
10. ประโยชน์ของการจัดการงานคอมพิวเตอร์ คือ 1. ช่วยให้สามารถประเมิน ศึกษา วิเคราะห์ ตรวจสอบ คาดคะเนเหตุการณ์ต่างๆได้ 2. ช่วยให้สามารถพัฒนาระบบงานให้สอดคล้องกับความต้องการ 3. ช่วยประสานการทำงานของฝ่ายต่างๆ ในองค์กรธุรกิจให้สามารถดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่2
1. ก
2. ค
3. ข
4. ง
5. ข
6. ค
7. ข
8. ง
9. ข
10. ข

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แบบฝึกหัดบทที่ 2

แบบฝึกหัดบทที่ 2

ตอนที่1 จงเติมคำตอบหรือเติมข้อความลงในช่องว่างให้สมบูรณ์
1. การทำงานของคอมพิวเตอร์มีขั้นตอนสำคัญ 4 ขั้นตอน คือ 1.การรับข้อมูลและคำสั่ง
2. การประมวลผลและคิดคำนึง 3. การเก็บข้อมูล 4. นำเสนอผลลัพธ์
2. หน่วยประมวลผลกลาง ทำหน้าที่เหมือน มันสมองของคอมพิวเตอร์
3. เมนบอร์ดทำหน้าที่อะไร เป็นแผงวงจรไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ไว้ประกอบชิ้นส่วนสำคัญ
4. จงบอกชื่ออุปกรณ์ที่อยู่ภายในคอมพิวเตอร์ CPU, RAM , MATNBOARO
HARO , DISKDRIVE , ช่องขยาย
5. ความละเอียดในการแสดงผลของจอภาพวัดเป็น R Pixel
6. อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ คือ ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม
7. ส่วนที่ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผลคำสั่ง และควบคุมการทำงานเรียกว่า CPU
8. หน่วยความจำที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลแบบชั่วคราว เรียกว่า แรม
9. อุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุด คือ เมนบอร์ด
10. จงบอกอุปกรณ์ต่อพ่วง เครื่องพิมพ์ชนิดต่างๆ , เครื่องสแกนภาพ , โมเด็ม

ตอนที่2 จงทำเครื่องหมายกากบาท ( x ) ลงหน้าข้อความที่ถูกต้องที่สุด
1. ค. แสดงผลข้อมูล
2. ก. พิกเซล
3. ง. ผิดเฉพาะข้อ ค.
4. ก. รับข้อมูล
5. ง. ผิดเฉพาะข้อ ก.
6. ข. ซีพียู
7. ก. เมนบอร์ด
8. ก. เพราะแผงวงจรไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ไว้ประกอบชิ้นส่วนสำคัญ
ของคอมพิวเตอร์เพื่อสามารถใช้งานได้
9. ง. ถูกทุกข้อ
10. ง. เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์

บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์ในงานอาชีพ

บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์ในงานอาชีพ

1. คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งที่สามารถรับข้อมูล พร้อมคำสั่งในรูปแบบที่เครื่องสามารถที่จะเข้าใจได้ มาทำการคำนวณ เปรียบเทียบ และประมวลผล จนได้ผลลัพธ์ตามต้องการอย่างรวดเร็วและถูกต้อง
ความก้าวหน้าของงานคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนอกจากจะมีขนาดเล็กลงแล้ว ยังมีสมรรถนะในการทำงานสูงกว่าเดิมมาก ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีราคาถูกลง ทำให้โรงเรียนต่างๆสามารถซื้อมาใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างทั่วถึง
อุปกรณ์ที่ช่วยให้เราโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ได้ เช่น รายการเลือกสัญญาณรูปเมาส์ และปากกาแสง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานชิป
คอมพิวเตอร์ ( Computer ) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือประมวลผลที่ดีที่สุดในปัจจุบัน มีความสามารถในด้านต่างๆ ได้แก่ ความเร็ว ( Speed ) ในการประมวลผลสูง ซึ่งมีความเชื่อถือได้
( Reliability ) และหน่วยจัดเก็บข้อมูล ( Storage ) ขนาดใหญ่ และมีความสามารถในด้านการนำมาประยุกต์ใช้งานด้านกว้างหลายด้าน ทำให้คอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่นำไปใช้ใน IT
2. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
การพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ได้วิวัฒนาการมาจากการคำนวณของมนุษย์ เริ่มจากการนับนิ้วมือเมื่อมีตัวเลขเพิ่มขึ้นนำเอา ลูกปัด เปลือกหอย ก้อนหิน เข้ามาช่วยแทนในการนับมือ
ต่อมา ชาร์ล แบบแบจ ( Charles Babbage ) นักคณิตศาสตร์และนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องหาผลต่าง หรือ Different Engine เพื่อคำนวณ ซึ่งต่อมาเขาได้รับยกย่องให้เป็น
บิดาคอมพิวเตอร์
การพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งแบ่งได้ทั้งหมดเป็น 5 ยุคดังนี้คือ
1. การพัฒนาในยุคต้น
การพัฒนาในยุคต้นเริ่มจากปี ค.ศ. 1951-1964 ซึ่งเป็นการพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์ ยุคที่1 และยุคที่ 2
ยุคที่ 1 ( ค.ศ. 1951-1958 )
เป็นการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์มาจากหลอดสุญญากาศ ( Vacuum Tube ) เป็นหน่วยความจำการ และวงจรตัวเครื่องขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าแรงสูงในการทำงาน ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่ยมาก และหลอดสุญญากาศที่ใช้อายุการใช้งานต่ำ
ยุคที่ 2 ( ค.ศ. 1959-1964 )
เริ่มมีการใช้ทรานซิสเตอร์เป็นหน่วยความจำกลางทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลงจากยุคแรกประมาณ 200 เท่า
ใช้กำลังในการทำงานน้อยกว่าและข้อมูลที่ถูกต้องมากกว่า และใช้วงแหวนแม่เหล็กขนาดเล็ก ( Magnetic Core )
2. การพัฒนาในยุคกลาง
เป็นการพัฒนาซึ่งอยู่ในยุคที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นการพัฒนาในทั้ง 2 ยุคนี้เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1965-1980
เป็นยุคที่ใช้วงจรรวม IC ( Integrated Circuit ) แทนทรานซิสเตอร์ แล้วแผ่นพิมพ์บนซิลิคอน ( Silicon ) เรียกว่า ชิป ( Chip ) มีขนาดเล็ก มีหน่วยความเร็วเป็นไมโครวินาที
ยุคที่ 4 ( ค.ศ. 1972-1980 )
ในยุคนี้มีการใช้วงจร คือ การใช้เทคโนโลยีใหม่โดยรวมวงจร IC จำนวนมากลงในแผ่นซิลิคอน 1 แผ่น และเกิดคอมพิวเตอร์ขนาดกลางขึ้น และมีการผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
3. ลักษณะและประเภทของคอมพิวเตอร์
ซึ่งจำแนกได้ 5 ประเภทคือ
3.1 คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
3.2 คอมพิวเตอร์ขนาดกลาง
3.3 คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
3.4 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
3.5 คอมพิวเตอร์เฉพาะงาน

4. ลักษณะและการใช้คอมพิวเตอร์
4.1 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
- คอมพิวเตอร์สำนักงานและผู้ใช้ตามบ้าน
- คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือโน้ตบุ๊ค
- คอมพิวเตอร์ขนาดย่อม ประเภทวางตัก
- ปาล์มท็อปพิวเตอร์

แบบฝึกหัดบทที่ 1
ตอนที่ 1 จงเติมคำตอบหรือเติมข้อความลงในช่องว่างให้สมบูรณ์
1. ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์คือ ชาร์ล แบบแบจ ( Charles Babbage )
2. คอมพิวเตอร์หมายถึง เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งที่สามารถรับข้อมูลพร้อมคำสั่งในรูปแบบที่เครื่องสามารถจะเข้าใจ มาทำการคำนวณ เปรียบเทียบและประมวลผล
3. เครื่องบันทึกข้อมูลที่ใช้ได้ผลในยุคแรกคือ วงแหวนแม่เหล็กขนาดเล็ก
4. เครื่องคำนวณที่เก่าที่สุดคือ เครื่องหาผล หรือ Different Engine
5. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ตั้งชื่อตามชื่อของนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส คือภาษา ปาสคาล
6. หลักการของคอมพิวเตอร์มี 3 หลัก ไดแก่ 1 การรับข้อมูล 2 การประมวลผล 3 การแสดง
7. เครื่องคอมพิวเตอร์แบบไฮบริค เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แบบอนาล็อกคอมพิวเตอร์
8. Super Computer เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ
9. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เป็น คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ มีความเร็วประมาณ100 mips ( Million Instruction Per Second )
10. เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบ่งประเภทตาขนาดของเครื่องได้ดังนี้ คอมพิวเตอร์สำนักงานและผู้ใช้ในบ้าน
โน้ตบุ๊ค แบบพกพา ขนาดย่อมประเภทวางตัก หรือแล็ปท็อป

ตอนที่2 จงทำเครื่องหมายกากบาท ( x ) ลงหน้าข้อความที่ถูกต้อง
1. ก. ลูกคิด
2. ก. รับข้อมูล
3. ก. รับข้อมูล
4. ข. ชาร์ล แบบแบจ
5. ข. เครื่องคอมพิวเตอร์แบบดิจิตอล
6. ค. เป็นวัตถุที่หายากและยังไม่ใช้แพร่หลาย
7. ก. มีการใช้ระบบ Multi User เพื่อใช้เป็นทรัพยากรคอมพิวเตอร์ร่วมกัน
8. ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
9. ก. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
10. ก. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ความรักกับกาลเวลา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเรื่องเล่า
ระหว่างสาวสวยและหนุ่มรูปงามผู้ซึ่งรักกันอย่างดูดดื่ม...

ทั้งสองได้สาบานว่าแม้ความตายก็มิอาจจะพรากรักอันแสนจะมั่นคงนี้ลงได้

และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่า
ไม่มีสิ่งใดที่จะแน่นอนเท่าความไม่แน่นอน
แม่มดไม่เชื่อว่าความรักของทั้งสองจะมั่นคง
จึงคิดหาทางพิสูจน์ขึ้นมา

นางกล่าวว่า
"หากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่ายซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพราก
ดังนั้นข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร...
ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป
ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ
บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า
และตรงกันข้ามกับเจ้า เจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้
เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไปไม่แก่ไม่เฒ่า
ไม่มีวันตายจะอยู่อย่างนี้นิรันดร...
เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขาเคยเป็นที่รัก
และต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล..."


"... วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารัก
เจ้าทำให้เขาจำเจ้าได้วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง...

เจ้าจะแก่และตายตามสภาพของอายุขัยที่ควรเป็น...
และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทนเขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง..."


หลังจากนั้นมา ปีแล้วปีเล่า เวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษ

ที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก
และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่ง
ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย...

เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้
แต่มันไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า...
หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้ง
เขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ...

ความทุกข์ทรมานของหญิงสาวถูกเฝ้าดูอย่างเย้ยเยาะ
โดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลาที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...
รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากไม่มีจริง

แล้วนางแม่ มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่า ในช่วงหลังๆ

มาหญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตน
ไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตน
แต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่า
จะทำให้เขามีความสุขและทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน...

แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว
จึงปรากฏตัวเพื่อเอ่ยถามกับตัวหญิงสาวเอง...

"...เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วล่ะหรือ...

ความพยายามที่จะพิสูจน์ให้ข้าเห็นอำนาจและพลังของรักแท้
ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆแม้กระทั่งคำสาปของข้า..."

"จริงๆแล้ว ข้าก็มีเหตุผลของข้า"
หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป

"...ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายาม...เพียงแต่...
ข้ากลัวว่าความพยายามของข้าจะสัมฤทธิ์ผล...แล้ว"

"...แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย"
นางแม่มดต่อให้ด้วยเสียงเย้ยหยัน
"ที่แท้เจ้าก็กลัวที่จะตายเจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า...

เฮอะนี่หรือรักแท้ของเจ้า"

หญิงสาวไม่ปฏิเสธ
นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น

"อาจใช่...มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่าหากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้
ข้าจะต้องตายจากเขาไป"

"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่าเขาจะทำให้เจ้าจำได้เช่นนั้นหรือ?"

หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่งอยู่ ก่อนตอบ

"สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น...ท่านรู้อะไรไหม...

ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขา

เฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่ารอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง...

ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขา

มันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
...และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัสคือ
การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รักโดย
ที่เราไม่อาจเอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือได้...

หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัวพอที่จะพยายามทำให้เขารัก

ทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้งเพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้...

แต่ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมันความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับเนื่องจากการรอคอยที่ไม่มี


วันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้
...ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก...
ความรักของข้าอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะตัดสินใจพยายามให้เขาจำข้าได้ต่อไป


และจากนี้ต่อไปแม้ว่าข้าจะต้องรอคอยไปชั่วนิรันดร์
สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือข้าจะทำให้เวลาของเขา
มีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้
ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริง
แต่ข้าก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของเขา...

ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่าน
อย่างไรก็ตาม
นี่ก็คือความรักของข้าคือสิ่งที่ข้าเป็น...
แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาล
แต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า
คนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า...
เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์..."

ในชีวิตของเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่เราคิดว่าเรารักใครสักคนมากมายเหลือเกิน

และหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราก็ต้องการความรักตอบกลับมา
หลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รักตอบคือการสูญเวลาเปล่า...

แต่มีหลายต่อหลายคน...ที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้งแต่ยังได้รักใครสักคน

อย่างเต็มหัวใจ...
Tags: ความรัก, เวลา